วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

news world movies

สวัสดีครับวันนี้เราจะมารู้ถึงประวัติรางวัลออสก้าว่าเป็นมาอย่างไรครับ พร้อมกับภาพยนตร์เมืองคานและประวัติการประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์

รางวัลออสการ์

รางวัลออสการ์ (อังกฤษOscar) หรือ อคาเดมีอวอร์ดส (อังกฤษAcademy Awards) เป็นงานรางวัลทางภาพยนตร์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จัดโดยสถาบันศิลปะและวิชาการทางภาพยนตร์ (อังกฤษAcademy of Motion Picture Arts and Sciences หรือ อังกฤษAMPAS) เริ่มจัดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1929 โดยในปี ค.ศ. 2014 จะเป็นงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 86 และจะจัดขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม ที่ ดอลบี้เธียเตอร์ ใน ฮอลลีวูด

ประวัติ

พีธีมอบรางวัลออสการ์ครั้งแรกจัดขึ้นแบบงานเลี้ยงอาหารค่ำเล็กๆที่โรงแรม Roosevelt ในฮอลลีวู้ด บัตรเข้าชมราคา 5$ มีผู้ร่วมงานไม่ถึง 250 คน ปีต่อมาๆได้เปลี่ยนมาจัดที่โรงแรม Ambassador และโรงแรม Biltmore พีธีมอบรางวัลออสการ์ครั้งที่สองได้เริ่มมีการกระจายเสียงสดผ่านทางวิทยุ ต่อมาในปีค.ศ. 1953 จึงเปลี่ยนมาแพร่ภาพทางโทรทัศน์ขาวดำ มีผู้ชมหลายล้านคนในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในปีค.ศ. 1966 พีธีมอบรางวัลได้แพร่ภาพทางโทรทัศน์สีเป็นครั้งแรก และมีการออกอากาศไปทั่วโลกตั้งแต่ปีค.ศ. 1969 เป็นต้นมา
ในช่วงทศวรรษแรก ธรรมเนียมปฏิบัติในการประกาศรางวัลสู่สาธารณชนจะทำโดยนำผลการตัดสินให้กับหนังสือพิมพ์ในเวลา 23 นาฬิกาของคืนวันงาน จนกระทั่งปีค.ศ. 1940 หนังสือพิมพ์ลอสเองเจลลิสไทม์แอบทราบผลการตัดสินและได้นำไปตีพิมพ์สู่สาธารณชนก่อนพิธีประกาศรางวัลจะเริ่มขึ้น นับแต่นั้นมา ผลการตัดสินจึงอยู่ในซองจดหมายที่ปิดผนึก
พิธีประกาศผลรางวัลออสการ์ได้จัดในหลากหลายสถานที่ ในแคลิฟอเนียร์ และได้ย้ายมาจัดที่ โกดักเธียเตอร์ ในปี ค.ศ. 2002 และเปลี่ยนชื่อเป็น ดอลบี้เธียเตอร์ จนถึงปัจจุบัน

รูปปั้น

ลักษณะ

รูปปั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Academy Award of Merit เป็นรูปอัศวินถือดาบครูเสดเอาปลายแหลมลงดิน ยืนบนม้วนแผ่นฟิล์ม สูง 13 นิ้วครึ่ง (34 เซนติเมตร)หนัก 8 ปอนด์ครึ่ง (3.85 กิโลกรัม) ทำจากบริทานเนียมชุบด้วยทองคำบนฐานโลหะสีดำ ออกแบบโดย Cedric Gibbons ตรงส่วนฐานที่เป็นม้วนแผ่นฟิล์มนั่นจะเป็นที่จารึก 5 สาขาดั้งเดิมของรางวัลออสการ์ อันประกอบไปด้วย นักแสดง เขียนบท กำกับการแสดง อำนวยการสร้าง และด้านเทคนิค

การออกแบบ

Cedric Gibbons ซึ่งเป็นผู้กำกับศิลป์ของเอ็มจีเอ็มและเป็นหนึ่งในสมาชิกเก่าแก่ของออสการ์ เป็นผู้ออกแบบรูปปั้นรางวัลออสการ์ Cedric ได้ใช้เรือนร่างเปลือยของนักแสดงเม็กซิโกคนหนึ่งที่ Dolores del Río ผู้เป็นภรรยาของเขาได้แนะนำให้รู้จัก ชื่อว่า Emilio Fernández เป็นแบบในการทำรูปปั้น โดยมี George Stanley เป็นผู้ร่างแบบบนดินเหนียว และมี Sachin Smith เป็นผู้หล่อรูปปั้นโดยใช้ส่วนประกอบ ดีบุก 92.5% ทองแดง 7.5% และชุบด้วยทองคำ โดยในส่วนฐานของรูปปั้นได้เพิ่มเข้ามาในภายหลัง แต่เดิมฐานจะทำจากหินอ่อน ในปีค.ศ. 1945 จึงเปลี่ยนเป็นโลหะ
แม่พิมพ์ต้นฉบับของรูปปั้นออสการ์ทำขึ้นในปีค.ศ. 1928 ที่ C.W. Shumway & Sons Foundry ในบาทาเวีย รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งแม่พิมพ์ของถ้วยรางวัลเอมมีและรางวัล Vince Lombardi Trophy ก็ทำขึ้นจากที่นี่เช่นเดียวกัน ในแต่ละปีรูปปั้นรางวัลออสการ์จำนวนประมาณ 40 อัน จะทำขึ้นที่ชิคาโก โดยบริษัท R.S. Owens หากมีรูปปั้นใดทำออกมาแล้วไม่มีคุณภาพ รูปปั้นนั้นจะถูกตัดเป็นสองท่อนแล้วนำไปหลอมละลาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รูปปั้นรางวัลออสการ์ที่มอบให้กับผู้รับรางวัลจะทำจากปูนปลาสเตอร์ โดยจะให้รูปปั้นที่ทำจากทองคำหลังสงครามสิ้นสุด

ที่มาของชื่อ

ที่มาของคำว่า ออสการ์ นั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ กรณีแรก ในชีวประวัติของนักแสดงหญิงรางวัลออสการ์ชื่อ Bette Davis ได้อ้างว่าเธอเป็นผู้ตั้งชื่อให้กับรูปปั้นนี้ เนื่องจากด้านหลังของรูปปั้นนั้นดูคล้ายของสามีคนแรกของเธอที่ชื่อ Harmon Oscar Nelson เธอจึงใช้ชื่อกลางของเขาตั้งชื่อรูปปั้นว่า ออสการ์  ทางด้านนิตยสารไทม์ได้มีการกล่าวถึงคำว่า ออสการ์ ในบทความที่เกี่ยวกับงานประกาศผลอคาเดมีอวอร์ดสครั้งที่ 6 ในปี ค.ศ. 1934 และกล่าวถึงการรับรางวัลของ Bette Davis ในปี ค.ศ. 1936 นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงวอลต์ ดิสนีย์ ว่าเขาได้ขอบคุณอคาเดมีสำหรับรางวัลออสการ์ของเขาในต้นปี ค.ศ. 1932
กรณีที่สอง ได้มีการอ้างว่า Margaret Herrick เลขานุการผู้บริหารของอคาเดมี เป็นผู้ตั้งชื่อให้กับรูปปั้นนี้ ในปี ค.ศ. 1931 เธอเป็นคนแรกที่ได้เห็นถ้วยรางวัล เนื่องจากรูปปั้นนี้มีลักษณะคล้ายลุงของเธอ เธอจึงตั้งชื่อรูปปั้นนี้ตามชื่อลุงของเธอว่า ออสการ์ อย่างไรก็ตามทั้งคำว่า ออสการ์ และ อคาเดมีอวอร์ดส ต่างก็เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของสถาบันนี้

คืนวันมอบรางวัล

เป็นการถ่ายทอดสด โดยมากจะจัดหลังจากประกาศผู้เข้าชิงรางวัล 6 สัปดาห์ ดารานักร้องที่เข้าร่วมงานมักจะเดินบนพรมแดง แต่งชุดอย่างสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน นอกจากมีการมอบรางวัลต่างๆ ยังมีการแสดงเพลงจากผู้เข้าชิงรางวัลในสาขาเพลง มีการประมาณการว่า มีผู้ชมกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก(ในปี 2546) ตัวงานได้แพร่ภาพออกทางโทรทัศน์ ในปี พ.ศ. 2496 ทางสถานี NBCจากนั้นจึงเปลี่ยนมือเป็นสถานี ABC ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519

รางวัลทั่วไป

ในปีค.ศ. 1949 ทางสถาบันได้เริ่มนับจำนวนรางวัลที่ได้มอบไป โดยเริ่มนับอย่างเป็นทางการที่รางวัลที่ 501 ตั้งแต่งานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 1 จนถึงครั้งที่ 80 ได้มีการมอบรางวัลออสการ์ไปแล้ว 2,701 รางวัล  และมีนักแสดงที่ได้รับรางวัล รวมทั้งผู้ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศและรางวัลนักแสดงเยาวชน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 293 คน

สาขารางวัลในปัจจุบัน

รางวัลต่างๆในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 24 สาขา รางวัลใหญ่มี 5 รางวัล (Big Five) ได้แก่ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture), รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม (Best Director), รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor), รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Best Actress) และ รางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (Best Adapted Screenplay)
ประเภทการสร้าง

ประเภทนักแสดง

ประเภทเทคนิคการถ่ายทำ
  • กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม (Best Art Direction) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 ถึงปัจจุบัน
  • กำกับภาพยอดเยี่ยม (Best Cinematography) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 ถึงปัจจุบัน
  • ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Film Editing) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ถึงปัจจุบัน

ประเภทเสียงและเทคนิคสมจริง
  • เทคนิคสมจริงยอดเยี่ยม (Best Visual Effects) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 ถึงปัจจุบัน
  • บันทึกเสียงยอดเยี่ยม (Best Sound Mixing) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2473 ถึงปัจจุบัน
  • ลำดับเสียงยอดเยี่ยม (Best Sound Editing) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 ถึงปัจจุบัน

ประเภทดนตรี
  • เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Original Song) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 ถึงปัจจุบัน
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Original Score) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 ถึงปัจจุบัน

ประเภทเครื่องแต่งกายและแต่งหน้า
  • ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (Best Costume Design) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ถึงปัจจุบัน
  • แต่งหน้ายอดเยี่ยม (Best Makeup) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ถึงปัจจุบัน

ประเภทแอนิเมชั่น
  • ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม (Best Animated Feature) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ถึงปัจจุบัน
  • ภาพยนตร์แอนิเมชันสั้นยอดเยี่ยม (Best Animated Short Film) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2474 ถึงปัจจุบัน

ประเภทสารคดี
  • ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม (Best Documentary Feature)
  • ภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยม (Best Documentary Short Subject)

ประเภทอื่นๆ
  • ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best Foreign Language Film) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490 ถึงปัจจุบัน
  • ภาพยนตร์เหตุการณ์สั้น (ไลฟ์แอ๊กชั่น) (Best Live Action Short Film) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2474 ถึงปัจจุบัน

รางวัลที่ถูกยกเลิกไปแล้ว

  • ผู้ช่วยผู้กำกับยอดเยี่ยม (Best Assistant Director)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ถึงพ.ศ. 2480 ในปีแรกของการให้รางวัล (พ.ศ. 2476) มีผู้ได้รับรางวัล 7 คน จากผู้เข้าชิง 18 คน โดยไม่มีการอ้างถึงภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้เข้าชิงนั้นๆ แต่ในปีต่อๆมาก็ได้อ้างถึงภาพยนตร์ของผู้เข้าชิงด้วย จนกระทั่งปีพ.ศ. 2480 รางวัลนี้ก็ถูกยกเลิกไป
  • ท่าเต้นยอดเยี่ยม (Best Dance Direction)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ถึงพ.ศ. 2480
  • เทคนิคทางวิศวกรรมยอดเยี่ยม (Best Engineering Effects)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ถึงพ.ศ. 2471 รางวัลนี้มอบเพียงสองปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็มีการมอบรางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยม (Best Sound Recording) แทน
  • ดนตรีดัดแปลงหรือดั้งเดิมยอดเยี่ยม (Best Score—Adaptation or Treatment)
  • ดนตรีประกอบประเภทภาพยนตร์เพลงหรือตลกยอดเยี่ยม (Best Original Musical or Comedy Score)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ถึงพ.ศ. 2546
  • ภาพยนตร์สั้นประเภทสียอดเยี่ยม (Best Short Film—Color)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 ถึงพ.ศ. 2480
  • ภาพยนตร์สั้นประเภทเหตุการณ์ขนาด 2 ฟิล์มยอดเยี่ยม (Best Short Film—Live Action—2 Reels)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 ถึงพ.ศ. 2499
  • ภาพยนตร์สั้นประเภทใหม่ (Best Short Film—Novelty)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ถึงพ.ศ. 2478
  • เรื่องราวดั้งเดิมยอดเยี่ยม (Best Original Story)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ถึงพ.ศ. 2499 รางวัลนี้ถูกยกเลิกไปเนื่องจากเห็นว่าซ้ำซ้อนกับรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมที่มีการมอบตั้งแต่พ.ศ. 2483
  • การสร้างที่พิเศษและมีศิลปะยอดเยี่ยม (Best Unique and Artistic Quality of Production)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ถึงพ.ศ. 2471 รางวัลนี้มีการมอบเฉพาะในครั้งแรกเท่านั้น แล้วถูกยกเลิกในครั้งต่อมา เนื่องจากเห็นว่าซ้ำซ้อนกับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
  • การเขียนบทยอดเยี่ยม (Best Title Writing)
มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 ถึงพ.ศ. 2471 รางวัลนี้มอบสำหรับภาพยนตร์ใบ้ที่มีการเขียนบทได้ยอดเยี่ยม เนื่องจากในสมัยดังกล่าวภาพยนตร์ยังไม่มีเสียง การอธิบายบทสนทนาของตัวละครจึงใช้วิธีแทรกไว้ระหว่างฉากการแสดง
  • อื่นๆ
ในช่วงแรกของการให้รางวัล รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจะถูกแบ่งออกเป็นประเภทภาพยนตร์ดรามาและภาพยนตร์ตลก ส่วนรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจะถูกแบ่งออกเป็นประเภทภาพยนตร์ดรามาและภาพยนตร์เพลงหรือตลก ซึ่งปัจจุบันได้รวมเหลือรางวัลเดียว คือ รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ ช่วงปีพ.ศ. 2473 - 2503 รางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยม รางวัลกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และรางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ยังถูกแบ่งออกเป็นประเภทภาพยนตร์สีและภาพยนตร์ขาวดำ

รางวัลที่ไม่ผ่านการพิจารณา

ในแต่ละปีคณะกรรมการออสการ์จะพิจารณารางวัลสาขาใหม่ที่เสนอเข้ามา จวบจนปัจจุบัน มีรางวัลดังต่อไปนี้ที่ไม่ผ่านการพิจารณา
  • คัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยม (Best Casting) – ไม่ผ่านการพิจารณาในปีพ.ศ. 2542
  • ประสานงานการแสดงแทนยอดเยี่ยม (Best Stunt Coordination) – ไม่ผ่านการพิจารณาในปีพ.ศ. 2542 และพ.ศ. 2548
  • ออกแบบไตเติ้ลยอดเยี่ยม (Best Title Design) – ไม่ผ่านการพิจารณาในปีพ.ศ. 2542

รางวัลพิเศษ

รางวัลพิเศษในปัจจุบัน

  • รางวัลเกียรติยศ (Academy Honorary Award) มอบแด่ผู้มีผลงานดีเด่นในวงการ – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 ถึงปัจจุบัน
  • รางวัลความสำเร็จเกียรติยศ (Academy Special Achievement Award) มอบแด่ผู้มีผลงานดีเด่นในวงการ
  • รางวัลความสำเร็จทางเทคนิค และ วิทยาศาสตร์ (Academy Award, Scientific or Technical) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2474 ถึงปัจจุบัน
  • รางวัลเอิร์ฟวิง จี. ธัลเบิร์ก (The Irving G. Thalberg Memorial Award) สำหรับผู้อำนวยการสร้างดีเด่น – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 ถึงปัจจุบัน
  • รางวัลมนุษยธรรม ฌีน เฮอร์โชลต์ (The Jean Hersholt Humanitarian Award) สำหรับผู้ทำงานด้านมนุษยธรรม
  • รางวัลกอร์ดอน อี. ซอว์เยอร์ (Gordon E. Sawyer Award) สำหรับผู้ประสบความสำเร็จในด้านเทคนิคการถ่ายทำ

รางวัลพิเศษที่ถูกยกเลิกไปแล้ว

  • รางวัลนักแสดงเยาวชน (Academy Juvenile Award) มอบแด่นักแสดงวัยเยาว์ผู้มีบทบาทการแสดงดีเด่น – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 ถึง 2503
  • รางวัลแดม เทคโนโลยี (DAM Technology Award) – มีการมอบรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 ถึง 2480

มีการจัดเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ขึ้นเป็นครั้งแรก


เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Festival de Cannes)

20 กันยายน พ.ศ. 2489 เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Festival de Cannes) หนึ่งในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองคานส์ ตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยฌอง ซาอี (Jean Zay) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เห็นว่าเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิส (Mostra de Venise) ในช่วงทศวรรษที่ 1930s กำลังถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลเผด็จการฟาสซิสม์ของอิตาลี จึงจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติของฝรั่งเศสขึ้นมาบ้าง ในที่สุดก็เลือกเมืองคานส์ซึ่งเป็นเมืองพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส โดยมี หลุยส์ ลูมิแยร์ (Louis Lumiere) เป็นประธานคนแรกในปี 2482 แต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียก่อน จึงต้องยุติไว้ หลังจากสงครามสงบแล้วจึงรื้อโครงการนี้ขึ้นมาอีกครั้งในปี 2489 โดยจัดขึ้นครั้งแรกที่บ่อนกาสิโนเก่าแก่ที่เมืองคานส์ จากนั้นก็จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนกันยายน ในปี 2494 เทศกาลได้เลื่อนมาเป็นเดือนพฤษภาคม ปัจจุบันจัดที่อาคาร Palais des Festivals et des Congres เมืองคานส์ มีภาพยนต์เข้าฉายที่เทศกาลนี้แล้วกว่า 3 หมื่นเรื่อง ภายในงานมีการประกวดภาพยนตร์ และตลาดซื้อขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ รวมไปถึงนิทรรศการและงานเสวนาด้านภาพยนตร์ แต่ละปีจะมีการมอบรางวัลใหญ่ได้แก่ รางวัล “Palme d’Or”(Golden Palm) นอกจากนี้ยังมีรางวัล “Grand Prix”, “Best Actress”, “Best Actor”, “Best Director”, “Best Screenplay”, “Jury Prize” และ “Best Short Film” ภาพยนตร์ไทยเรื่องเดียวที่ได้รางวัลจากเมืองคานส์ได้แก่ "สัตว์ประหลาด” (Tropical Malady) ผลงานของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ได้รับรางวัล “Jury Prize" เมื่อปี 2547

รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์

รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ หรือ รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลในวงการผลิตภาพยนตร์ไทย ที่มีผลงานดีเด่นที่สุดในสาขาต่างๆ ในแต่ละปี โดยได้จัดให้มีพิธีมอบรางวัลนี้เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2535 ประจำปี 2534 จัดโดยสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ

ประวัติ

หลังจากสมาคมผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไทยลดถอยบทบาทการนำลง บุคลากรในวงการภาพยนตร์ไทยได้รวมตัวกันจัดตั้งองค์กรขึ้นใหม่ ให้เป็นองค์กรหลักที่สมาชิกเป็นตัวแทนขององค์กรย่อยและ ภาคส่วนต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ครบถ้วนยิ่งขึ้น โดยใช้ชื่อ สมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ (The Federation of National Film Associations of Thailand) โดย ไพจิตร ศุภวารี เป็นนายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติคนแรก ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2534-2537
องค์กรนำของวงการภาพยนตร์ไทยว่างเว้นไม่ได้จัดการประกวดและมอบรางวัลสำหรับภาพยนตร์ไทยอยู่ประมาณ 3 ปี จึงได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ร่วมกับ คณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย (หน่อยงานในสำนักนายกรัฐมนตรี) และกรมประชาสัมพันธ์ ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ให้การสนับสนุนวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยจัดประกวด รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ ขึ้นทั้งนี้ไม่ถือเป็นรางวัลต่อเนื่อง รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ของสมาคมผู้อำนวยการสร้างแต่เป็นการเริ่มต้น จัดทำตัวรางวัลเป็นสัญลักษณ์ "ทางช้างเผือกสู่ดวงดาว" ซึ่งหมายถึง บุคคลที่สร้างผลงานภาพยนตร์ไทยยอดเยี่ยมและชนะเลิศในแต่ละประเภทรางวัล จนเป็นดาวดวงเด่นของปี
ในปี พ.ศ. 2556 สมาพันธ์ ได้เปลี่ยนวิธีการตัดสินภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล โดยใช้คณะกรรมการตัดสิน 15 ท่าน ร่วมกับการลงคะแนนจากบุคคลในวงการภาพยนตร์ประมาณ 1,500 คน ในกลุ่มหลังจะแบ่งการลงคะแนนตามองค์ประกอบภาพยนตร์ในด้านต่างๆ โดยสามารถลงคะแนนผ่านทางเว็บไซต์ของสมาพันธ์ฯ หรือทางไปรษณีย์ โดยสัดส่วนคะแนนของทั้งสองกลุ่มจะอยู่ที่ 50:50

ลำดับงานประกาศผลรางวัล

ครั้งและปีที่จัดวันที่ประกาศผลสถานที่ประกาศผลและมอบรางวัล
ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2534วันที่ 25 มกราคม 2535ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2535วันที่ 4 เมษายน 2536
ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536วันที่ 4 เมษายน 2537
ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2537วันที่ 4 เมษายน 2538
ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2538วันที่ 4 เมษายน 2539
ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2539วันที่ 4 เมษายน 2540
ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2540วันที่ 4 เมษายน 2541
ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2541วันที่ 4 เมษายน 2542
ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2542วันที่ 4 เมษายน 2543
ครั้งที่ 10 พ.ศ. 2543วันที่ 4 เมษายน 2544
ครั้งที่ 11 พ.ศ. 2544วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2545ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ
ครั้งที่ 12 พ.ศ. 2545วันที่ 4 เมษายน 2546โรงภาพยนตร์สกาล่า
ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2546วันที่ 9 มกราคม 2547โรงภาพยนตร์สกาล่า
ครั้งที่ 14 พ.ศ. 2547วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548โรงภาพยนตร์สกาล่า
ครั้งที่ 15 พ.ศ. 2548วันที่ 4 มกราคม 2549บริเวณอนุสรณ์สถาน เรือตรวจการ 813 จังหวัดพังงา
ครั้งที่ 16 พ.ศ. 2549วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2550สวนรัก อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
ครั้งที่ 17 พ.ศ. 2550วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2551โรงละครสยามนิรมิต
ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2551วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ครั้งที่ 19 พ.ศ. 2552วันที่ 30 พฤษภาคม 2553โรงมหรสพหลวง ศาลาเฉลิมกรุง
ครั้งที่ 20 พ.ศ. 2553วันที่ 6 มีนาคม 2554ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช พัทยา
ครั้งที่ 21 พ.ศ. 2554วันที่ 29 เมษายน 2555โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย พารากอนซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน
ครั้งที่ 22 พ.ศ. 2555วันที่ 1 มีนาคม 2556โรงละครแห่งชาติ
ครั้งที่ 23 พ.ศ. 2556วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าพัทยา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2557วันที่ 1 มีนาคม 2558หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

ผลรางวัล

ครั้งและปีที่จัดภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ครั้งที่ 1 (2534)เวลาในขวดแก้ว
ครั้งที่ 2 (2535)อนึ่งคิดถึงพอสังเขป
ครั้งที่ 3 (2536)คนแซ่ลี้
ครั้งที่ 4 (2537)กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้
ครั้งที่ 5 (2538)โลกทั้งใบให้นายคนเดียว
ครั้งที่ 6 (2539)เสียดาย
ครั้งที่ 7 (2540)2499 อันธพาลครองเมือง
ครั้งที่ 8 (2541)รัก-ออกแบบไม่ได้
ครั้งที่ 9 (2542)นางนาก
ครั้งที่ 10 (2543)
ครั้งที่ 11 (2544)มนต์รักทรานซิสเตอร์
ครั้งที่ 12 (2545)15 ค่ำ เดือน 11
ครั้งที่ 13 (2546)คืนบาปพรหมพิราม
ครั้งที่ 14 (2547)โหมโรง
ครั้งที่ 15 (2548)มหา'ลัยเหมืองแร่
ครั้งที่ 16 (2549)ก้านกล้วย
ครั้งที่ 17 (2550)รักแห่งสยาม
ครั้งที่ 18 (2551)Wonderful Town
ครั้งที่ 19 (2552)October Sonata รักที่รอคอย
ครั้งที่ 20 (2553)ชั่วฟ้าดินสลาย
ครั้งที่ 21 (2554)ลัดดาแลนด์
ครั้งที่ 22 (2555)Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ
ครั้งที่ 23 (2556)ตั้งวง
ครั้งที่ 24 (2557)ภวังค์รัก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับรางวัลที่คนทำหนังอยากได้เพื่อความสำเร็จ ถ้าเป็นผมนะขอให้ได้ ออสก้า สักตัวคงดีใจแล้ว ได้สร้างชื่อให้กับไทยเราด้วย ไว้พบกันใหม่นะครับบ วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีครับบบ